บัตเตอร์เฮด
บัตเตอร์เฮด ผักที่อุดมไปด้วยสารอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
บัตเตอร์เฮด (Butterhead) คือพันธุ์ของผักกาดหอมที่มีลักษณะเด่นคือใบที่นุ่มและอ่อน ซึ่งคล้ายกับเนย (hence the name “butterhead”) มักใช้ในการทำสลัดหรือทานสด เนื่องจากรสชาติที่หวานกรอบและใบที่ไม่ขมเหมือนผักกาดหอมชนิดอื่น ๆ
ลักษณะเด่นของบัตเตอร์เฮด
- ใบ : ใบมีสีเขียวอ่อนถึงเขียวเข้ม ลักษณะใบจะหนาและนุ่ม มีรูปร่างเป็นรูปหัวสลัดแบบกลม
- รสชาติและเนื้อสัมผัส : ใบมีความนุ่มและกรอบ พร้อมรสชาติหวาน ทำให้เพิ่มความอร่อยให้กับเมนูต่าง ๆ
- คุณค่าทางโภชนาการ : อุดมไปด้วยวิตามิน แร่ธาตุ และสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วยส่งเสริมสุขภาพโดยรวม
ประโยชน์ของบัตเตอร์เฮด
- 1. อุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุ
- วิตามิน A : ช่วยบำรุงสายตาและผิวหนัง
- วิตามิน C : ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และทำให้ผิวพรรณดูสดใส
- โฟเลต (วิตามิน B9) : สำคัญสำหรับการทำงานของเซลล์และการเจริญเติบโตของเนื้อเยื่อในร่างกาย
- แคลเซียมและแมกนีเซียม : ช่วยเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง
- 2. ช่วยในระบบย่อยอาหาร ผักบัตเตอร์เฮดมีเส้นใยอาหารที่ช่วยในกระบวนการย่อยอาหาร ลดอาการท้องผูก และช่วยรักษาระบบทางเดินอาหารให้ทำงานได้ดี
- 3. แคลอรี่ต่ำ บัตเตอร์เฮดมีแคลอรี่ต่ำ ทำให้เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการควบคุมน้ำหนักหรือทานอาหารเพื่อสุขภาพ
- 4. ช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ผักบัตเตอร์เฮดช่วยในการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด เนื่องจากมีไฟเบอร์ที่ช่วยชะลอการดูดซึมของน้ำตาล
- 5. มีสารต้านอนุมูลอิสระ ผักบัตเตอร์เฮดมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการเกิดการอักเสบและเสี่ยงต่อโรคเรื้อรัง
- 6. บำรุงสุขภาพผิว ด้วยวิตามิน A และ C ที่มีในบัตเตอร์เฮด ผักนี้ช่วยบำรุงผิว ลดการเกิดริ้วรอย และช่วยให้ผิวดูสุขภาพดี

คุณสมบัติของบัตเตอร์เฮดออร์แกนิค
- ปราศจากสารเคมี ผักบัตเตอร์เฮดออร์แกนิคปลูกโดยไม่ใช้สารเคมีหรือยาฆ่าแมลง ซึ่งช่วยให้ผู้บริโภคมั่นใจในความปลอดภัยจากสารตกค้างที่อาจเป็นอันตรายต่อสุขภาพ
- เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อม การปลูกแบบออร์แกนิคช่วยลดการใช้สารเคมีที่มีผลเสียต่อดิน น้ำ และสิ่งแวดล้อม โดยใช้วิธีการเพาะปลูกที่เป็นธรรมชาติ ซึ่งช่วยรักษาความหลากหลายทางชีวภาพและสุขภาพของระบบนิเวศ
- ช่วยป้องกันโรคและอาการแพ้ การปลูกผักแบบออร์แกนิคลดความเสี่ยงจากการสัมผัสสารพิษต่าง ๆ ที่อาจทำให้เกิดโรค หรือแพ้สารเคมีในร่างกาย
- การเจริญเติบโตอย่างยั่งยืน วิธีการปลูกที่ยั่งยืนและใช้ทรัพยากรธรรมชาติอย่างคุ้มค่า เพื่อให้ได้ผักที่มีคุณภาพสูงโดยไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม
การปลูกและดูแล
- 1. การเตรียมดิน
- ดิน : ผักบัตเตอร์เฮดชอบดินที่มีความระบายน้ำดีและร่วนซุย ดินควรมีความเป็นกรดอ่อนถึงกลาง (pH 6.0-7.0)
- การเตรียมดิน : เติมปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมักเพื่อเพิ่มความอุดมสมบูรณ์ของดิน ให้แน่ใจว่าไม่ใช้ปุ๋ยเคมีที่อาจมีสารตกค้าง
- 2. การปลูกเมล็ด
- เมล็ด : เลือกเมล็ดพันธุ์บัตเตอร์เฮดที่มีคุณภาพ หากปลูกในดินให้ใช้ระยะห่างระหว่างต้นประมาณ 20-25 ซม.
- การปลูก : หยอดเมล็ดลงในแถวที่เตรียมไว้แล้วประมาณ 1-2 ซม. ลงดิน (หากปลูกในกระถางหรือแปลงปลูกยก)
- การหยอดเมล็ด : ควรปลูกในฤดูที่มีอากาศเย็นหรือร่มรื่น เช่น ฤดูหนาวหรือช่วงฤดูฝนในบางพื้นที่
- 3. การรดน้ำ
- ผักบัตเตอร์เฮดชอบน้ำมาก แต่ไม่ควรปล่อยให้ดินมีน้ำขัง ควรรดน้ำให้ดินมีความชื้นตลอดเวลา
- รดน้ำ วันละ 1-2 ครั้ง (เช้า-เย็น) โดยเฉพาะในช่วงที่อากาศร้อน
- 4. การดูแลในเรื่องของแสง
- ผักบัตเตอร์เฮดต้องการแสงแดดที่เพียงพอ แต่ไม่ควรโดนแสงแดดจัดเกินไปเพราะจะทำให้ใบมีรสขมและเหี่ยว
- ควรปลูกในที่ที่มีแสงแดดส่องถึงประมาณ 4-6 ชั่วโมงต่อวัน
- 5. การใส่ปุ๋ย
- ใช้ ปุ๋ยคอกหรือปุ๋ยหมัก เพื่อเพิ่มสารอาหารให้กับผัก แต่ควรหลีกเลี่ยงการใช้ปุ๋ยเคมีที่อาจทำให้ผักมีสารพิษสะสม
- การใส่ปุ๋ยครั้งแรกควรทำเมื่อปลูกได้ประมาณ 2 สัปดาห์ หลังจากนั้นให้ใส่ปุ๋ยทุก 3-4 สัปดาห์ ตามความเหมาะสม
- 6. การควบคุมศัตรูพืช
- ผักบัตเตอร์เฮดอาจพบกับศัตรูพืช เช่น เพลี้ยไฟ หนอน และแมลงต่างๆ ควรใช้วิธีธรรมชาติในการป้องกัน เช่น การใช้ สบู่ชีวภาพ หรือ น้ำส้มควันไม้ เพื่อลดการใช้สารเคมี
- ในกรณีที่มีปัญหาหนอน สามารถใช้วิธีการดึงหนอนออกมือโดยตรง หรือใช้วิธีที่ปลอดภัยอย่างน้ำเกลือฉีดพ่น
- 7. การเก็บเกี่ยว
- เมื่อผักบัตเตอร์เฮดเติบโตเต็มที่ ประมาณ 45-60 วัน หลังการปลูก ขึ้นอยู่กับอุณหภูมิและสภาพการดูแล
- สามารถเก็บเกี่ยวได้โดยการตัดใบหรือเก็บทั้งต้น เพื่อใช้ในการประกอบอาหาร
- ควรเก็บเกี่ยวในช่วงเช้าเพื่อรักษาความสดใหม่ของผัก
การปลูกและดูแลผักบัตเตอร์เฮดไม่ยาก แค่ทำตามขั้นตอนเหล่านี้ ผักจะเติบโตได้ดีและให้ผลผลิตที่อร่อยสดใหม่ สามารถนำไปใช้ในสลัดหรือแซนด์วิชได้ตามต้องการ




