หญ้าหวาน

หญ้าหวาน ใบมีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทราย
หญ้าหวาน (Stevia) เป็น พืชเศรษฐกิจสำคัญ ที่ได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ ทั้งในประเทศไทยและทั่วโลก เพราะเป็น แหล่งสารให้ความหวานจากธรรมชาติ ที่ไม่ให้พลังงาน เหมาะสำหรับผู้ที่ต้องการลดน้ำตาล เช่น ผู้ป่วยเบาหวาน หรือผู้ควบคุมน้ำหนัก
ลักษณะของหญ้าหวาน
- ลำต้น : ลำต้นตั้งตรง กลมเป็นเหลี่ยมเล็กน้อย สีเขียว มีขนอ่อน ๆ ปกคลุม โคนต้นแข็งเมื่อแก่
- ใบ : ใบเดี่ยว ออกตรงข้ามกัน รูปร่างรีถึงรูปหอก ขอบใบจักฟันเลื่อย ผิวใบเรียบ ด้านบนสีเขียวเข้ม ด้านล่างสีอ่อนกว่า ใบมีรสหวานมากกว่าน้ำตาลทรายหลายร้อยเท่า
- ดอก : ออกเป็นช่อที่ปลายกิ่ง ดอกสีขาวหรือขาวอมม่วง ขนาดเล็ก เป็นดอกสมบูรณ์เพศ ออกดอกในช่วงอากาศเย็น
- ผลและเมล็ด : ผลแห้งขนาดเล็ก สีดำ มีขนพู่สีขาวติดที่ปลาย ช่วยในการกระจายพันธุ์โดยลม
- ราก : เป็นรากแก้ว มีรากแขนงแตกออกมาก ชอนไชตื้น ต้องการดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
จุดเด่นทางเศรษฐกิจ
- สร้างรายได้ดี : ความต้องการในอุตสาหกรรมอาหาร เครื่องดื่ม และยาเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
- ปลูกได้ในหลายพื้นที่ของไทย : โดยเฉพาะภาคเหนือ เช่น เชียงใหม่ เชียงราย และลำพูน
- ใช้ประโยชน์ได้ทั้งใบสดและใบแห้ง : สามารถส่งขายให้โรงงานแปรรูปเพื่อสกัดสารให้ความหวาน (สตีวิโอไซด์ และรีบาวดิโอไซด์)
- ตลาดส่งออกเติบโตสูง : ญี่ปุ่น จีน และยุโรปเป็นตลาดหลัก

ประโยชน์ของหญ้าหวาน
- ใช้เป็น สารให้ความหวานแทนน้ำตาล ในอาหารและเครื่องดื่ม
- ช่วย ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด
- ช่วย ลดความดันโลหิต และ ลดคอเลสเตอรอล
- ใช้ในอุตสาหกรรมผลิตภัณฑ์สุขภาพ เช่น ชา กาแฟ ยาอม และขนมเพื่อสุขภาพ
การปลูกหญ้าหวาน
- ดิน : ร่วนซุย ระบายน้ำดี
- แสง : ต้องการแสงแดดเต็มวัน
- น้ำ : รดน้ำสม่ำเสมอ แต่ไม่แฉะ
- การขยายพันธุ์ : ปักชำกิ่ง หรือเพาะเมล็ด
- เก็บเกี่ยว : ใบแก่จัดอายุประมาณ 2–3 เดือนหลังปลูก
ต้นหญ้าหวาน เป็นพืชเศรษฐกิจที่มีอนาคตสดใส เพราะตอบโจทย์เทรนด์ สุขภาพและการลดน้ำตาล ของผู้บริโภคยุคใหม่ ปลูกไม่ยาก ลงทุนไม่สูง และมีตลาดรองรับทั้งในและต่างประเทศ