กระชายดำ
กระชายดำ มีสีม่วงเข้มหรือม่วงดำ เป็นเอกลักษณ์
กระชายดำ เป็นพืชสมุนไพรไทยที่อยู่ในวงศ์ ขิง (Zingiberaceae) มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Kaempferia parviflora Wall. ex Baker คนไทยนิยมเรียกว่า “ว่านกระชายดำ” หรือ “ขิงดำ” เป็น พืชล้มลุกอายุหลายปี สูงประมาณ 30–60 เซนติเมตร
ลักษณะของกระชายดำ
- ลำต้นแท้อยู่ใต้ดิน เป็นเหง้าสีม่วงเข้มหรือม่วงดำ มีกลิ่นหอมเฉพาะตัว
- ใบเดี่ยว รูปรีหรือรูปไข่ ปลายแหลม โคนมน สีเขียวเข้มหรือเขียวอมแดง ใต้ใบมีสีม่วงอ่อน
- เหง้าใต้ดินแตกแขนงเป็นหัวเล็ก ๆ รอบต้น มีรากฝอยจำนวนมาก
- ดอกสีม่วงอ่อนถึงขาวอมม่วง ออกที่โคนต้นใกล้พื้นดิน
สรรพคุณเด่นของกระชายดำ
- บำรุงกำลัง เพิ่มสมรรถภาพทางเพศ (ใช้กันมากในเพศชาย)
- ช่วยบำรุงหัวใจและระบบไหลเวียนโลหิต
- บรรเทาอาการเหนื่อยล้า อ่อนเพลีย
- แก้ปวดเมื่อยตามร่างกาย
- มีสารต้านอนุมูลอิสระ ช่วย ชะลอความเสื่อมของเซลล์

การใช้ประโยชน์
- นำ เหง้าแห้งมาชงดื่มเป็นชา หรือบดเป็นผงบรรจุแคปซูล
- ใช้ใน ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารและเครื่องดื่มสมุนไพร
- ใช้ใน ยาสมุนไพรพื้นบ้าน เพื่อบำรุงร่างกาย
การปลูกกระชายดำ
- ลักษณะทั่วไป : ชอบดินร่วนปนทราย ระบายน้ำดี และแสงแดดรำไร
- ขยายพันธุ์ : ใช้ เหง้า/หัวแม่พันธุ์ แข็งแรงที่มีตา (จุดแตกหน่อ)
- การปลูก : ปลูกเหง้าลงหลุมที่เตรียมดินผสมปุ๋ยคอก รดน้ำให้ชุ่ม และคลุมหน้าดินเพื่อรักษาความชื้น
- การดูแลรักษา : รดน้ำสม่ำเสมอ ใส่ปุ๋ยคอกทุก 2–3 เดือน และตัดใบแห้งหรือหน่อแน่นเกินไป
- การเก็บเกี่ยว : เหง้าสามารถเก็บเกี่ยวได้เมื่อ อายุ 8–12 เดือน หลังปลูก
กระชายดำปลูกง่าย โตช้าเล็กน้อยกว่ากระชายขาว ใช้ เหง้าเป็นส่วนที่สำคัญที่สุด สำหรับทำสมุนไพรและอาหาร เหมาะกับการปลูก ในสวนสมุนไพรหรือกระถาง




