ฝ้าย
ฝ้าย เส้นใยธรรมชาติ มีความละเอียดและนุ่ม
ฝ้าย (Cotton) เป็นหนึ่งใน พืชเศรษฐกิจ ที่สำคัญของหลายประเทศ รวมถึงประเทศไทย โดยเฉพาะในอดีตที่เคยมีบทบาทสำคัญในภาคการเกษตรและอุตสาหกรรมสิ่งทอ
ลักษณะของฝ้าย
- ลำต้น สูงประมาณ 1–2 เมตร ตั้งตรง แตกกิ่งก้านสาขาได้ดี
- ใบ ออกเรียงสลับกัน รูปร่างคล้ายฝ่ามือ มีแฉกประมาณ 3–5 แฉก
- ดอก ดอกเดี่ยว ออกตามซอกใบ สีเหลืองอ่อนหรือขาวนวล และมักเปลี่ยนเป็นสีชมพูอ่อนเมื่อใกล้ร่วง
- ผล ลักษณะกลมรี เมื่อแก่จะปริออกเป็น 3–5 แฉก ภายในมีเมล็ดหลายเมล็ด แต่ละเมล็ดหุ้มด้วยเส้นใยสีขาวฟู เรียกว่า “ใยฝ้าย”
- ราก มีรากแก้วลึกและแข็งแรง ช่วยดูดซับน้ำและแร่ธาตุจากดินได้ดี รากแขนงแผ่กระจายใต้ผิวดิน
จุดเด่นของฝ้าย
- เป็นพืชล้มลุก อายุสั้น (ประมาณ 4–6 เดือน)
- ปลูกในดินร่วนซุย ระบายน้ำดี
- ชอบแสงแดดจัด
- หลังออกดอกจะเกิดผลคล้ายลูกสมอ ภายในมีเมล็ดหุ้มด้วยเส้นใยสีขาว (เรียกว่า ใยฝ้าย)

ความสำคัญของฝ้ายในฐานะพืชเศรษฐกิจ
- ใช้ในอุตสาหกรรมสิ่งทอ : ฝ้ายเป็นวัตถุดิบหลักในการผลิตเสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว ผ้าปูที่นอน ฯลฯ เพราะเส้นใยฝ้ายมีความนุ่ม ระบายอากาศดี และดูดซับน้ำได้ดี
- สร้างรายได้ให้เกษตรกร : ในพื้นที่ที่สามารถปลูกฝ้ายได้ดี เช่น ภาคเหนือและภาคตะวันออกเฉียงเหนือของไทย ฝ้ายเคยเป็นพืชทำเงินที่สำคัญ
- ใช้ประโยชน์จากทุกส่วนของพืช
- เมล็ดฝ้าย : สกัดน้ำมันฝ้าย ใช้ในการปรุงอาหารหรือทำอาหารสัตว์
- กากเมล็ด : ใช้เป็นอาหารสัตว์
- ใยสั้น : ใช้ทำกระดาษหรือผลิตภัณฑ์อื่น ๆ
ส่วนที่นำมาใช้ประโยชน์
- ใยฝ้าย : ใช้ทอผ้า ทำเสื้อผ้า หรือใช้ในอุตสาหกรรมต่าง ๆ เช่น สำลี ผ้าพันแผล
- เมล็ดฝ้าย : สกัดน้ำมัน หรือใช้เป็นอาหารสัตว์
- เปลือกเมล็ด : ใช้เป็นปุ๋ยหรือเชื้อเพลิง
ความท้าทายในปัจจุบัน
- ราคาตลาดผันผวน
- การแข่งขันจากใยสังเคราะห์
- ปัญหาแมลงศัตรูพืช เช่น หนอนเจาะสมอฝ้าย
ฝ้ายเป็นพืชที่ให้เส้นใยธรรมชาติ ใช้ทำผ้า และมีความสำคัญทางเศรษฐกิจ โดยเฉพาะในอุตสาหกรรมสิ่งทอ





